RS GROUP จัดงาน “Open House 2020” ส่งต่ออัตลักษณ์ใหม่ พร้อมเปิดเส้นทางแห่งความสำเร็จภายใต้โมเดล Entertainmerce
อาร์เอส กรุ๊ป ประกาศรีแบรนด์องค์กรอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นก้าวใหม่ที่ยั่งยืนของบริษัทฯ ในการปรับองค์กรครั้งใหญ่ที่สุดผ่านอัตลักษณ์และวิถีใหม่ ภายใต้อุดมการณ์ Passion to Win พร้อมเปิดเส้นทางแห่งความสำเร็จในการทรานส์ฟอร์มธุรกิจจากสื่อและบันเทิงสู่ธุรกิจพาณิชย์ ในงาน “RS GROUP Open House 2020” ที่จัดขึ้น ณ บ้านหลังใหม่ RS GROUP Headquarter (RSHQ) บนถนนประเสริฐมนูกิจ
ภายในงาน นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้เล่าถึงแรงบันดาลใจในการทำงานตลอด 40 ปีที่ผ่านมา จนถึงก้าวใหม่ของ อาร์เอส กรุ๊ป ในวันนี้ และบทบาทของโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ซึ่งเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่สนับสนุนให้บริษัทฯ เติบโตอย่างยั่งยืน ขณะที่ผู้บริหารจากธุรกิจคอมเมิร์ซและธุรกิจสื่อและบันเทิงได้เปิดเผยถึงความสำเร็จและกลยุทธ์ใหม่ที่เน้นการ Synergy ระหว่างกลุ่มธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการเติบโตระหว่างกันภายใต้โมเดลธุรกิจ Entertainmerce
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า “ปี 2563 หรือ 2020 เป็นอีกหนึ่งปีที่สำคัญมาก เพราะเป็นปีแห่งการเริ่มต้นของ อาร์เอส กรุ๊ป ยุคใหม่ ที่ได้พิสูจน์แล้วว่าการทรานส์ฟอร์มองค์กรด้วยโมเดลธุรกิจที่แตกต่างไม่เหมือนใครนั้นเป็นไปได้ และเป็นก้าวใหม่ที่ยั่งยืน ทำให้ถึงเวลาแล้วที่ อาร์เอส จะประกาศรีแบรนด์องค์กรอย่างเป็นทางการ เพื่อสื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ และส่งต่อพันธกิจใหม่ของเราไปสู่ผู้คน ไม่เพียงแต่เปลี่ยน โลโก้เท่านั้น เรายังปรับโครงสร้างองค์กร โดยใช้แนวคิดการทำงานแบบ Agile มุ่งทำงานเป็นทีม ลดโครงสร้างและขั้นตอนที่ยุ่งยาก เพื่อให้การทำงานรวดเร็วขึ้นและสื่อสารกันได้โดยตรง ด้วยเป้าหมายเดียวกันคือ สร้างแรงบันดาลใจ เติมเต็มชีวิตผู้คนด้วยความบันเทิง สินค้า และบริการที่สร้างสรรค์และมีคุณค่า โดยทุกคนใน อาร์เอส กรุ๊ป ต้องมีค่านิยม 4 ประการ ฝังอยู่ในดีเอ็นเอ ได้แก่ Inspiring (แรงบันดาลใจ) Passionate (แรงผลักดัน) Inquisitive (ใฝ่เรียนใฝ่รู้) และ Goal-Oriented (แน่วแน่ที่เป้าหมาย) ภายใต้โมเดลธุรกิจ Entertainmerce ซึ่งเป็นการดึงศักยภาพ ความเชี่ยวชาญจากธุรกิจสื่อและธุรกิจบันเทิงในมือออกมาใช้ให้มากที่สุด สร้างคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์และน่าสนใจ เพื่อเปลี่ยนผู้ชมและผู้ฟังเป็นผู้ซื้อ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการ Synergy กันระหว่างกลุ่มธุรกิจในเครือ ที่สามารถควบคุมและบริหารงานได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ”
ปัจจุบัน อาร์เอส กรุ๊ป แบ่งกลุ่มธุรกิจ ออกเป็น
- ธุรกิจคอมเมิร์ซ ประกอบด้วย อาร์เอส มอลล์ และ บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด
- ธุรกิจสื่อและบันเทิง ประกอบด้วย สถานีโทรทัศน์ช่อง 8, คูลลิซึ่ม และ อาร์เอส มิวสิค
ธุรกิจคอมเมิร์ช
อาร์เอส มอลล์ (RS Mall)
นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ กล่าวว่า “อาร์เอส มอลล์ เกิดจากการที่ อาร์เอส กรุ๊ป เลือกใช้เวลาโฆษณาครึ่งหนึ่งที่มีอยู่มาสร้างธุรกิจใหม่ที่มีสายตาของคนดูเป็นต้นทุน ดังนั้น อาร์เอส มอลล์ คือ การผนวกการช้อปปิ้งเข้ากับความบันเทิง ผ่านการเล่าเรื่องราวที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ การนำเสนอแนวทางแก้ปัญหารวมถึงเรื่องราวจากผู้ใช้จริง และข้อมูลเชิงลึกเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยมีทีมงาน คอลเซ็นเตอร์คอยตอบปัญหาและให้คำปรึกษาเรื่องสินค้าตลอด 24 ชั่วโมง และส่งมอบผลิตภัณฑ์ถึงมือลูกค้าด้วยความสะดวกสบายซึ่งลูกค้าไม่เสียค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง อาร์เอส มอลล์ เป็นธุรกิจที่ไม่มีหน้าร้าน แต่อยู่ทุกที่ที่สะดวกสำหรับลูกค้า ลูกค้าสามารถพบเจอเราได้ทางช่องดิจิทัลทีวีต่างๆ เทเลเซลล์ และบนช่องทางออนไลน์ ทั้งทางเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน”
อาร์เอส มอลล์ ได้ดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว และเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยความสำเร็จของ อาร์เอส มอลล์ เกิดจาก Value Chain ที่แตกต่าง ดังนี้
1. สินค้าที่มีคุณภาพ อาร์เอส มอลล์ มีทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ผ่านการดำเนินงานของบริษัท ไลฟ์สตาร์ โดยร่วมมือกับสถาบันวิจัยชั้นนำ เพื่อนำนวัตกรรมที่มีการจดสิทธิบัตรในระดับโลกมาผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน เพื่อส่งมอบสินค้าคุณภาพที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้จริง นอกจากนี้ เรายังร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในหลากหลายประเภทสินค้า เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่แตกต่างของลูกค้าได้ทันท่วงที
2. มีเดีย เราเป็นเจ้าของสื่อสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่มีสายตาคนดูที่พร้อมให้ความสนใจกับสินค้าที่นำเสนอ ผ่านการเล่าเรื่องราวที่แตกต่าง และยังมีพันธมิตรเป็นช่องดิจิทัลทีวีจากหลากหลายช่องชั้นนำ
3. ระบบ Fulfillment ที่เติมเต็มทุกความต้องการอย่างครบถ้วน มีเทเลเซลล์ กว่า 500 คน เพื่อให้บริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีคลังสินค้าเพื่อการจัดเก็บและบริหารสินค้าด้วยระบบที่มีมาตรฐาน รวมถึงสามารถส่งมอบสินค้าถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง
4. Data and Voice Analytics อาร์เอส มอลล์ จะนำข้อมูลของลูกค้ามาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และสร้างแคมเปญ CRM ที่หลากหลาย ปัจจุบันเรามีฐานข้อมูลกว่า 1.4 ล้านรายที่มีการซื้อซ้ำมากกว่า 2 ครั้งต่อปี ด้วยความแตกต่างและจุดแข็งข้างต้น ทำให้ในปี 2563 อาร์เอส มอลล์ สามารถสร้างยอดขายทุบสถิติเดิมตั้งแต่ไตรมาส 2 ด้วยรายได้ 586.2 ล้านบาท และเชื่อมั่นว่าจะเติบโตต่อไปในทุกไตรมาส ด้วยอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด
บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด
หนึ่งในผู้นำนวัตกรรมด้านสุขภาพและความงามระดับโลก ส่งตรงสู่ผู้บริโภคคนไทย ช่วยแก้ปัญหาสุขภาพและความงาม เพื่อตอบโจทย์ที่หลากหลายของผู้บริโภคในยุคนี้ ด้วยสินค้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ในราคาที่เหมาะสม และมีคุณภาพผลิตภัณฑ์เทียบเท่ามาตรฐานสากล
ดร.ชาคริต พิชญางกูร หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจไลฟ์สตาร์ เผยว่า “ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ยอดขายบนแพลตฟอร์มของอาร์เอส มอลล์ มาจากสินค้าของไลฟ์สตาร์ สูงถึง 60% และมีโปรดักส์แชมป์เปี้ยนที่ทำยอดขายสูงสุด 3 ผลิตภัณฑ์ได้แก่ S.O.M. Cordy Tibet & Bhutan, S.O.M. I-Kare และ S.O.M. CMAX ซึ่งแผนธุรกิจของไลฟ์สตาร์ ในครึ่งปีหลังนี้ก้าวไปไกลกว่าการขายผ่านช่องทางของ อาร์เอส มอลล์ โดยจะขยายไปสู่จุดขายต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น ได้แก่ ออนไลน์มาร์เก็ตเพลส โมเดิร์นเทรด ร้านขายส่ง ร้านขายยา ร้านสะดวกซื้อ และไดเร็คเซลล์ ซึ่งเราได้วางกลยุทธ์ร่วมกับพันธมิตรสื่อที่แข็งแกร่ง โดยการใช้ศักยภาพและความเชี่ยวชาญของ อาร์เอส กรุ๊ป ผสานพลังกับกลยุทธ์ที่เป็นหัวใจสำคัญมากที่สุดของไลฟ์สตาร์ คือการร่วมพัฒนาสินค้ากับสถาบันวิจัยระดับโลก เพื่อเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ และตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำนวัตกรรมระดับสากลมาสู่ผู้บริโภคคนไทย ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากกลยุทธ์ในปีนี้ของไลฟ์สตาร์ ได้แก่
• S.O.M. Probio - 10 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่ร่วมค้นคว้าและวิจัยกับ Danisco บริษัทในเครือของ Dupont สหรัฐอเมริกา ยักษ์ใหญ่ในวงการอาหารของโลก จนมาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลิขสิทธิ์เฉพาะ ที่มีจุลินทรีย์ที่มีชีวิตถึง 10 สายพันธุ์ จำนวน 5 หมื่นล้านเซลล์ในเม็ดเดียว ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันพร้อมปรับสมดุลการขับถ่ายไปพร้อมๆ กัน
• Functional Ready-to-Drink การต่อยอดความสำเร็จของกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของไลฟ์สตาร์ ที่สามารถขยายช่องทางไปยังร้านสะดวกซื้อต่างๆ ได้ มาในรูปแบบเครื่องดื่มปรุงสำเร็จพร้อมดื่ม สะดวก อร่อย ให้คุณค่า เหมาะกับไลฟ์สไตล์ในยุคปัจจุบัน ได้แก่ รังนก และเครื่องดื่มน้ำผลไม้และสมุนไพรสกัดเข้มข้น
• ผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหาร (Meal replacement) ในรูปแบบผงชงดื่ม ใน 1 ซอง ให้สารอาหารเทียบเท่าที่ร่างกายต้องการในครึ่งวัน อิ่ม อยู่ท้อง รสชาติอร่อย ลดความอยากในการทานอาหารมื้อหนัก และช่วยลดการบริโภคอาหารขยะในมื้อที่เร่งรีบอีกด้วย
• อาหารสุนัขและอาหารแมว มีมูลค่าตลาดที่สูงถึงกว่า 4 หมื่นล้านบาท และเติบโตต่อเนื่องทุกปี ปีละ 10% ไลฟ์สตาร์จึงเห็นโอกาสที่จะนำผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์มานำเสนอขายผ่านช่องทางทีวีดิจิทัล
• ผลิตภัณฑ์คอสเมติกส์ การนำศิลปินดาราชื่อดัง มาร่วมคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มแฟนคลับ ภายใต้กลยุทธ์ Star Commerce Model เริ่มต้นที่ใบเตย อาร์สยาม กับแบรนด์ BT Cosmetics Color Collection ที่ประกอบไปด้วยแป้ง Color Palette และ Lipstick โดยเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากผู้ผลิตรายใหญ่จากประเทศเกาหลีที่ผลิตสินค้าให้กับแบรนด์เครื่องสำอางค์ระดับโลกมากมาย ขายผ่านช่องทางออนไลน์และขนาดพิเศษในร้านสะดวกซื้อ
ธุรกิจสื่อและบันเทิง
สถานีโทรทัศน์ช่อง 8
ดิจิทัลทีวีที่โดนใจผู้ชมทั่วประเทศ ด้วยคอนเทนต์รายการที่มอบอรรถรสอันหลากหลายและน่าติดตาม ทั้งละคร ข่าว และรายการมวยไทยที่เป็นอันดับหนึ่งในใจคนไทย ดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ เก้าอี้ 4 ขา กระจายรายได้มาจาก 4 ช่องทาง ซึ่งได้แก่ มีเดียสปอนเซอร์ 40% การจัดอีเวนท์ 10% การขายลิขสิทธิ์ 15% และ Entertainmerce 35%
นางสาวนงลักษณ์ งามโรจน์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 กล่าวว่า “ในครึ่งปีหลัง ช่อง 8 พร้อมจัดเต็มความบันเทิง เพื่อธุรกิจพาณิชย์ กับรายการ “นายจ๋าทาสมาแล้ว” ที่จะช่วยสนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ บริษัท ไลฟ์สตาร์ ผลิตขึ้น และรายการ “ราคาพารวย” ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นำเวลาไพร์มไทม์ของช่องมาทำรายการเพื่อสนับสนุนโมเดลธุรกิจ Entertainmerce และเป็นครั้งแรกในการซื้อลิขสิทธิ์จากต่างประเทศมาประยุกต์ใช้เพื่อเปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นผู้ซื้อสินค้า”
คูลลิซึ่ม (COOLISM)
นายปริญญ์ หมื่นสุกแสง หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจวิทยุคูลลิซึ่ม กล่าวว่า “COOLfahrenheit เป็นสถานีเพลงอันดับหนึ่ง มาเกือบ 2 ทศวรรษ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ฟังเติบโตมาตลอด ถึงแม้มีกระแสว่าคนฟังวิทยุลดลง แต่ COOLfahrenheit ยังคงเติบโตส่วนกระแส และทำสถิติใหม่นิวไฮบนเอฟเอ็ม ด้วยยอดผู้ฟังสูงสุดทะลุ 2 ล้านคน ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา ขณะนี้เราเดินหน้ากลยุทธ์แม่น้ำ 3 สาย เพื่อขยายรายได้หลักออกเป็น 3 ทาง ลดการพึ่งพารายได้ช่องทางใดช่องทางหนึ่งมากเกินไป ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์นี้จะสามารถสร้างการเติบโตครั้งใหม่แบบก้าวกระโดด หวังเป็น นิว เอส เคิร์ฟ ในรอบ 15 ปีของคูลลิซึ่ม”
สัดส่วนรายได้จากกลยุทธ์แม่น้ำ 3 สาย เป็นดังนี้
- Coolfahrenheit สัดส่วนรายได้ 40% ด้วยจำนวนเรตติ้งและคนฟังคลื่นคูลฟาเรนไฮต์ที่ยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง
- COOLive สัดส่วนรายได้ 30% ด้วยการยกระดับการทำงานด้านคอนเสิร์ตและอีเวนท์ ให้เป็นหน่วยธุรกิจอิสระ สร้างสรรค์คอนเสิร์ต และมิวสิค เฟสติวัล โดยในปี 2564 เตรียมจัดงานทั้งหมด 10 งาน ที่มีทั้งศิลปินชั้นนำระดับประเทศและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าเข้าถึงผู้ชมคอนเสิร์ตทั้งหมดกว่าหนึ่งแสนคน
- COOLanything สัดส่วนรายได้ 30% เป็นส่วนหนึ่งของโมเดล Entertainmerce ที่เปลี่ยนผู้ฟังให้เป็นลูกค้า สร้างประสบการณ์ที่ดีในการช้อปปิ้ง ด้วยสินค้าคุณภาพที่รู้ใจและการบริการที่เข้าใจ ผ่าน แอปพลิเคชันคูลลิซึ่ม ซึ่งเป็นต้นน้ำแหล่งใหม่ สำหรับยุคที่การช้อปปิ้งออนไลน์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘ฟังเพลงได้ ช้อปเพลิน ในแอปเดียว’
อาร์เอส มิวสิค (RS Music)
นายสุกฤช สุขสกุลวัฒน์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจเพลง กล่าวว่า “ความท้าทายครั้งสำคัญของธุรกิจเพลง คือ การปรับตัวเพื่อสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ที่แตกต่าง เพลงเป็นแค่เครื่องมือหนึ่ง แต่สิ่งที่จะสร้างและต่อยอดธุรกิจได้คือ สตาร์ ที่มีตัวตน มีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน และมีฐานแฟนคลับ ซึ่งทั้งหมดจะถูกเชื่อมโยงกับโมเดลธุรกิจใหม่ ‘Music Star Commerce’ จากการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ศิลปิน และสอดคล้องกับธุรกิจของอาร์เอส กรุ๊ป”
ในเดือนตุลาคม 2563 นี้พบกับศิลปินใหม่ ผ่าน 3 ค่ายเพลง ได้แก่
- Rsiam
- Kamikaze
- Rose Sound
ซึ่งการมาของ อาร์เอส มิวสิค ในครั้งนี้ จะสร้างปรากฏการณ์ให้วงการเพลงของไทยอีกครั้ง เพื่อเติมเต็มความรู้สึกให้คนไทยได้หายคิดถึงเพลงในแบบฉบับของ อาร์เอส อย่างแน่นอน และเป็นก้าวใหม่ที่ท้าทายของ และเป็นก้าวใหม่ ที่ท้าทาย ของ RS Music ด้วย ทั้งหมดนี้ คือความมหัศจรรย์ที่เกิดจาก passion ของผู้บริหารและทีมงานทุกคนของ RS Group ภายใต้ โมเดลธุรกิจ Entertainmerce ที่แตกต่าง ซึ่งยึดโยงกันอย่างแข็งแกร่ง แล้วทรงพลัง ทีมงานทุกคนพร้อมที่จะเรียนรู้ สิ่งใหม่ร่วมกัน และทั้งหมดนี้คือ New Legacy ของ RS Group