พพ.แจงโรงไฟฟ้าพลังน้ำวังลุงชะลอ เหตุรอเคลียร์ความชัดเจนด้านกฎหมายที่ดิน



พพ.ยันโครงการไฟฟ้าพลังน้ำวังลุง จ.นครศรีธรรมราชไม่ได้ปล่อยทิ้งร้าง ยังคงมีการบำรุงรักษาดูแลอุปกรณ์ พร้อมเดินเครื่องจ่ายไฟเข้าระบบ หากได้ข้อยุติเจรจากับทายาทพร้อมดำเนินการได้ทันที ตามแผนส่งเสริมไฟฟ้าพลังน้ำระดับชุมชน สร้างความมั่นคงด้านพลังงานระยะยาว
นายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) เปิดเผยว่า กรณีประชาชนในพื้นที่ร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำวังลุง จ.นครศรีธรรมราช ขนาดกำลังผลิต 66.5 กิโลวัตต์ จำนวน 2 ชุด ที่ยังไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเข้าระบบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)ได้หลังจากที่มีการก่อสร้างแล้วเสร็จมาแล้ว 6 ปี ทาง พพ. ขอชี้แจงว่าโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าว ถือเป็นโครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กมากที่ในระยะแรกชุมชนและราษฎรเจ้าของพื้นที่ยินยอมให้ พพ. ก่อสร้างโครงการฯ แต่ต่อมาเจ้าของที่ดินได้เสียชีวิต และมีทายาทหลายคนต้องการพื้นที่โครงการ ฯ คืน และได้มีการฟ้องร้องเรื่องสิทธิการครอบครองพื้นที่ ซึ่งปัญหาดังกล่าว พพ.ได้ประสานไปยังทายาททุกคน รวมถึงผู้นำชุมชนทุกฝ่าย เพื่อหาทางออกเพื่อหาข้อสรุปในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
 


อย่างไรก็ตาม พพ. ได้ติดตามการดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่อง และยืนยันว่าไม่ได้มีการปล่อยให้โครงการฯ ทิ้งร้าง และยังมีการดูแลรักษาระบบและสถานที่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พร้อมกับการใช้งานภายหลังจากได้ข้อยุติ โดยเรื่องดังกล่าว ทาง พพ.จะเร่งแล้วเสร็จโดยเร็ว และมั่นใจได้ว่าจะดำเนินการเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย
ในการสร้างความยั่งยืนในด้านพลังงานให้กับชุมชน พพ.ยังคงเดินหน้าที่จะส่งเสริมการใช้พลังน้ำในระดับชุมชน ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบจำหน่ายของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้มีการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนของประเทศ ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่เป็นสาเหตุหลักของปัญหาภาวะโลกร้อน รวมทั้งสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในอนาคต
สำหรับนโยบายการดำเนินโครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กมากของ พพ. มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานระดับชุมชน และยังสามารถสร้างรายได้จากการขายไฟฟ้าเข้าระบบให้กับชุมชน ซึ่งโครงการดังกล่าว จะเป็นกรรมสิทธิ์ขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นผู้บริหารจัดการ ซึ่งเป็นไปตามมติของ กพช.จึงได้มีการประชุม เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560 มีมติให้ พพ. เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าราคาหน่วยละ 1.091 บาท และนำรายได้ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
โดย พพ. ได้ประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) เพื่อขออนุญาตจำหน่ายไฟฟ้าของโครงการ แต่ สกพ.กำหนดให้ พพ.ต้องยื่นเอกสารแสดงสิทธิ์การครอบครองที่ดินของที่ตั้งโครงการฯ ปัจจุบัน พพ. อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำเอกสารดังกล่าว เพื่อให้ราษฎรผู้ครอบครองพื้นที่ยินยอมให้ดำเนินการโครงการฯ เพื่อจะได้นำไปยื่นขออนุญาตจำหน่ายไฟฟ้าต่อไป