มร. ฮิเดคาสึ อิโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ถ่านไฟฉายพานาโซนิค ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่พานาโซนิคให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกคิดค้น และสร้างสรรค์ในยุคเริ่มต้น และได้มีการพัฒนาประสิทธิภาพมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อจัดจำหน่ายไปยังทั่วโลก
“สำหรับตลาดประเทศไทย ถ่านพานาโซนิคได้รับความไว้วางใจในประสิทธิภาพ และสามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดมาอย่างต่อเนื่อง จากการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยกว่า 30 ปี พานาโซนิคได้มีการพัฒนาคุณภาพของสินค้าให้สอดรับกับความต้องการของตลาด และให้ก้าวทันกับการใช้งานที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยในปีที่ผ่านมานั้น พบว่ามีปริมาณความต้องการใช้งานถ่านอัลคาไลน์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ๆ ซึ่งต้องการพลังงานที่สูงกว่าถ่านธรรมดา พานาโซนิคจึงต้องการนำเสนอความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ถ่านพานาโซนิค อัลคาไลน์ Panasonic Alkaline ด้วยแนวคิด “10 Times Longer Lasting” พลังไฟยาวนานกว่า 10 เท่า พร้อมเตรียมแคมเปญส่งเสริมการตลาดและสร้างการรับรู้ถึงทุกกลุ่มเป้าหมายด้วยการ ดึง เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์ มาเป็นพรีเซนเตอร์ ด้วยคุณสมบัติที่เหมาะสมจากความเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความแข็งแกร่ง อดทน เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน สามารถสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของสินค้าถ่านพานาโซนิค อัลคาไลน์ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อมโยงความเป็นไทยและญี่ปุ่นจากการเป็นนักฟุตบอลของลีกในระดับอาชีพของญี่ปุ่นด้วย”
ด้าน นายวิฑูรย์ เหล่าวีระกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์ถ่านไฟฉาย บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันภาพรวมตลาดถ่านไฟฉายในไทยมีมูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท โดยพานาโซนิคมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ที่ 83% ส่วนในเซกเม้นต์ของถ่านอัลคาไลน์นั้น พานาโซนิคก็เป็นผู้นำตลาด โดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 72% ซึ่งบริษัทฯ เล็งเห็นว่ายังสามารถเติบโตได้เพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากผลการวิจัยพบว่าผู้บริโภคมีโอกาสเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อถ่านไฟฉายได้หากพบว่ามีคุณภาพดีกว่า หรือ มีอายุการใช้งานยาวนานเพิ่มขึ้น พานาโซนิคจึงกำหนดกลยุทธ์เพื่อเพิ่มสัดส่วนการขายถ่านอัลคาไลน์ ด้วยการสื่อสารไปยังผู้บริโภคให้เห็นถึงประสิทธิภาพการใช้งานที่ยาวนานกว่า 10 เท่า (เมื่อเทียบกับถ่านธรรมดา) และสามารถใช้ได้ดีกับทุกอุปกรณ์ โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ที่มีความต้องการพลังงานเพิ่มมากขึ้น อาทิ กล้องดิจิทัล ของเล่น เม้าท์ไร้สาย และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าดูแลร่างกาย เป็นต้น
พานาโซนิคได้วางงบประมาณการตลาด 100 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้ด้านประสิทธิภาพดังกล่าว พร้อมทั้งตอกย้ำภาพลักษณ์ของความเป็นผู้นำตลาดถ่านไฟฉายในประเทศไทย ตลอดจนการให้ เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นพรีเซนเตอร์คนแรกของผลิตภัณฑ์ถ่านพานาโซนิค อัลคาไลน์ เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคทุกกลุ่ม ผ่านช่องทางต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น โฆษณาทางโทรทัศน์ สปอทวิทยุ บิลบอร์ด ป้ายโฆษณา Out of Home กิจกรรมโรดโชว์ ป้ายหน้าร้านค้า และช่องทางออนไลน์อย่างเฟซบุ๊คและยูทูป ทั้งนี้ พานาโซนิคยังมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ผ่านผู้แทนจำหน่าย (Dealer) 60% และห้างสรรพสินค้า 40% รวมถึงการที่มีฐานการผลิตถ่านอัลคาไลน์ในประเทศซึ่งผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าจะได้ใช้งานถ่านไฟฉายที่มีความใหม่อยู่เสมอ ทำให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 3 ประเทศเป้าหมายที่บริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่นตั้งเป้าการทำตลาดเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอัลคาไลน์ ร่วมกับประเทศอินเดีย และบราซิล
จากการทดสอบประสิทธิภาพ ความแตกต่างระหว่างถ่านพานาโซนิคอัลคาไลน์และถ่านพานาโซนิคธรรมดา พบว่าถ่านพานาโซนิค อัลคาไลน์ พลังไฟยาวนานกว่า 10 เท่า เมื่อเทียบกับถ่านพานาโซนิคธรรมดา เมื่อทดสอบกับกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อดูแลร่างกาย ตามมาตรฐาน ANSI (750mA, 2mph/8hpd, 1.1V) ผลการทดสอบพบว่าถ่านพานาโซนิค อัลคาไลน์สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่าถึง 11.6 เท่า คือ 45.99 นาที แต่ถ่านพานาโซนิค ธรรมดาใช้ได้เพียง 3.98 นาที
สำหรับถ่านพานาโซนิค อัลคาไลน์รุ่นใหม่นั้น นอกจากการดีไซน์บรรจุภัณฑ์ของสินค้าใหม่แล้ว ยังมีคำอธิบายภาษาไทยเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยพานาโซนิคตั้งเป้าว่าจากแคมเปญการทำการตลาดเพื่อยกระดับความต้องการ จากถ่านพานาโซนิคธรรมดาเป็นถ่านพานาโซนิคอัลคาไลน์ จะสามารถเพิ่มสัดส่วนทางการตลาดให้เติบโตอย่างยั่งยืน และมียอดจำหน่ายเติบโตเป็น 2 เท่า ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือในปี 2022