แสนสิริจึงนำด้วยกลยุทธ์ เติมเต็มการใช้ชีวิตในทุกๆ ด้าน (Complete Your Living Experience) บนความเชื่อว่า ดีไซน์ที่สวยงามต้องมาพร้อมกับประโยชน์การใช้งานได้จริง มาถ่ายทอดสู่แคมเปญ “Fill your life with good” หรือ “ใช้ชีวิตแต่กับสิ่งดีๆ” ด้วยการชู 6 ฟังก์ชั่นมัดใจกลุ่มลูกค้าหลากวัยหลายไลฟ์สไตล์ เปิดตัวด้วยไฮไลต์เด่น “Educational Playground มากกว่าสนามเด็กเล่น”
คุณอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ (จำกัด) มหาชน กล่าวว่า “เป็นที่ภาคภูมิใจว่าลูกค้าใหม่ ๆ ของเราหลาย ๆ คนที่เพิ่งซื้อโครงการ คือกลุ่มคนที่เติบโตมาในโครงการแสนสิริ เมื่อมีครอบครัวของตนเองก็ยังอยากจะอยู่ในโครงการที่พัฒนาโดยบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่คุ้นเคย มีมาตรฐาน แต่กลุ่มคุณพ่อคุณแม่รุ่นใหม่มีความรู้ใหม่ ๆ ในโลกโซเชียลที่ทำให้พวกเขาใส่ใจกับพัฒนาการของเด็กมากขึ้น ทำให้มักพาลูกไปทำกิจกรรมนอกบ้านที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ ดังนั้นแสนสิริ ในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์เติมเต็มการใช้ชีวิตในทุกๆ ด้านของลูกบ้าน จึงได้ร่วมกับทีม แสนสิริ ดีไซน์ โซลูชั่น ดีพาร์ทเมนท์ (DSD) ฉีกกรอบแนวคิดเดิมของสนามเด็กเล่นภายในโครงการที่อยู่อาศัย ให้เป็น “มากกว่าสนามเด็กเล่น” ประกอบกับแรงบันดาลใจจากสนามเด็กเล่นในโครงที่อยู่อาศัยในต่างประเทศที่มีการผนวกเอากิจกรรมต่างๆ ลงไปไม่ได้มีเฉพาะแต่เครื่องเล่นเท่านั้น จึงนับว่าเป็นครั้งแรกในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยที่มีสนามเด็กเล่นฝึกทักษะและพัฒนาการเด็กทั้งร่างกาย การตัดสินใจ และการแก้ปัญหาในลักษณะนี้ตั้งอยู่ในโครงการที่พักอาศัย ในรูปแบบ Educational playground โดยมีโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช เป็นที่ปรึกษาในการออกแบบและแนะนำเรื่องการใช้วัสดุให้ปลอดภัย ซึ่งปัจจุบันมีโครงการนำร่องอยู่ที่ โครงการคณาสิริ รังสิต คลองสอง, โครงการ เศรษฐสิริ ปิ่นเกล้า กาญจนา และโครงการ เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่จะตามมาอีกในอนาคต เช่น โครงการบุราสิริ วัชรพล และ โครงการบุราสิริ ราชพฤกษ์ 345 เป็นต้น”
พญ. เสาวภา พรจินดารักษ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรม จากโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช กล่าวว่า “การส่งเสริมให้เด็กได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามช่วงวัยที่มีความต้องการในด้านพัฒนาการที่แตกต่างกันเป็นเรื่องสำคัญ โดยต้องคำนึงถึงพัฒนาการ 4 ด้านคือกล้ามเนื้อมัดใหญ่ มัดเล็ก ภาษา และการเข้าสังคม อย่างเช่น วัย 1-2 ขวบ ที่เริ่มเดินได้เองแล้ว ควรเน้นพัฒนาด้านการเคลื่อนไหวให้เดินเยอะ ๆ หรือขึ้นลงบันไดด้วยการจับราวและพักเท้าทีละขั้น ช่วง 2-3 ขวบจะเป็นวัยที่ยืนด้วยขาข้างเดียวได้ ก็สามารถกระโดดอยู่กับที่ เดินขึ้นลงบันไดสลับเท้าได้ ตอบคำถามได้ และโยนหรือเตะบอลได้แล้ว พอมาถึงวัย 3-4 ขวบ ให้เริ่มเล่นอะไรแบบคู่ขนานและเล่าเรื่องได้เป็นประโยคสั้น ๆ พอโตขึ้นมาเป็นวัย 5-6 ขวบ ให้ลองกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางเตี้ย ๆ ได้ จำแนกหมวดหมู่สิ่งของได้ และการเล่นที่มีกติกา พอเป็นวัย 6-10 ขวบ ให้เรียนรู้เรื่องตำแหน่งและทิศทาง รู้จักแก้ปัญหาและไตร่ตรองอย่างมีเหตุมีผลมากขึ้น ฯลฯ
“ที่สำคัญพัฒนาการของเด็กจะเกิดขึ้นได้ผ่านการลงมือทำจริงอย่างเป็นประจำ คุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นพันธมิตรในการสร้างพัฒนาการ ไม่ควรยับยั้งการเล่น ดังนั้นสนามเด็กเล่นภายในโครงการที่พักอาศัยจึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการเสริมสร้างทักษะรอบด้าน สำหรับแนวคิดการออกแบบเครื่องเล่นที่สมิติเวชได้สร้างสรรค์ร่วมกับแสนสิรินั้น เราเน้นให้เด็ก ๆ ได้ออกกำลังทางความคิดพร้อมเพิ่มพูนทักษะและไหวพริบในการตัดสินใจผ่านการฝึกก้าว ปีนป่าย การเขย่ง การกระโดด ที่สำคัญ นอกเหนือจากการเล่นในสนามเด็กเล่น คุณพ่อคุณแม่ต้องฝึกให้ลูกรู้จักช่วยเหลือตัวเอง และเปิดโอกาสให้เขามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ในบ้านพร้อมให้คำชี้แนะ รวมทั้งกำลังใจ เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้และเติบโตอย่างมีพัฒนาการ เป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไป”
หมอโอ๊ค-น.พ.สมิทธิ์ อารยะสกุล และ คุณโอปอล์-ปาณิสรา อารยะสกุล เผยว่า “พ่อแม่ย่อมคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก แต่คำว่าดีที่สุดของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน แต่ก่อนเราสกรีนทุกอย่างเพราะน้องอลัน น้องอลิน คลอดก่อนกำหนด แต่หลังจากนั้นเราหยุดอ่านหนังสือหรือเพจเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกทั้งหมด แล้วหยุดมีข้อจำกัดด้านการเล่นของลูก ทำให้พบว่าการให้ลูกเรียนรู้ผ่านการเล่นเป็นทางที่ทำให้พัฒนาการของลูกก้าวไปได้เร็วกว่าวัย จากเดิมที่เคยติดลบ เพราะเขาได้เรียนรู้ผ่านการเล่นโดยไม่รู้ตัว ซึ่งพอเห็นแสนสิริให้ความสำคัญกับทุกๆ รายละเอียด โดยเฉพาะล่าสุดการพัฒนาสนามเด็กเล่นเสริมสร้างพัฒนาการเด็กรอบด้านในโครงการเลยก็ดีใจมากเพราะเหมาะกับไลฟ์สไตล์พ่อแม่ที่ไม่มีเวลามาก ที่สำคัญด้วยความที่ผม (หมอโอ๊ค) ก็เป็นคุณหมอซึ่งทราบดีว่าการได้คุณหมอด้านพัฒนาการเด็กมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งจากสมิติเวชมาร่วมให้คำปรึกษากับแสนสิริในการพัฒนา Educational playground จะช่วยส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีตามวัยในช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานทั้งยังวางใจถึงเรื่องความปลอดภัย นอกจากนี้ยังช่วยให้ลูกได้รู้จักกับเพื่อนบ้านที่อยู่ในโครงการเดียวกันอีกด้วย