การเขียนนิยายเมื่อเริ่มแล้วหยุดไม่ได้ สำหรับเจ้าของนามปากกา“กานท์ชญา” ในชีวิตจริงคือ ภาณี หลุยเจริญ หรือ มะเหมี่ยว เจ้าของผลงานชุด 4 เหล่าทัพ ที่ขายดิบขายดีไม่ต้องโปรโมท ซึ่งงานไม่เน้นเลิฟซีน แต่เน้นความรักชาติ รักสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ตอนแรกนักเขียนกังวลว่านิยายเซ็ตจะขายยาก หากเป็นผลงานนักเขียนท่านนี้มีแฟนคลับรออุดหนุนตรึม ล่าสุดจัดหนัก จัดใหญ่ชุด“ลูกไม้ใต้ต้น” เป็นรุ่นลูกของสี่เหล่าทัพ ซึ่งได้รับการทวงถามจากนักอ่านตั้งแต่ยังเขียนไม่เสร็จ โดยมะเหมี่ยวเปิดใจถึงอาชีพนักเขียนว่า
“สวัสดีค่ะ กานท์ชญา ค่ะ ชื่อจริง ภาณี หลุยเจริญ ชื่อเล่น มะเหมี่ยวค่ะ ปัจจุบันอายุ 30 ปี เริ่มเขียนนิยายตั้งแต่อายุ 14 โดยเริ่มจากการเขียนกลอนตั้ง ประมาณประถมศึกษาปีที่ 4 ค่ะ ก็ชอบในการเขียน แล้วคือผลงานที่เราเขียนหรือกลอนที่เราแต่ง ไม่ว่าไปประกวดอะไรก็ชนะได้รางวัลมาตลอด และคิดว่าเป็นทางที่เราถนัด เลยมุ่งมาทางด้านนี้จนมาจริงจัง และได้เป็นนักเขียนเหมือนทุกวันนี้ค่ะ ปัจจุบันเหมี่ยวทำงานที่บ้านค่ะ ที่บ้านทำธุรกิจร้านถ่ายรูปอยู่ที่จังหวัดลพบุรีค่ะ ส่วนการเขียนนิยายเขียนอย่างไร ก็เปิดเวิร์ดมาแล้วพิมพ์ค่ะ (หัวเราะ) จริงๆ ก็คือ ใช้เวลาตอนกลางคืนในการเขียนนิยายค่ะ อาจจะตื่นสายลงมาร้านสายหน่อย ซึ่งโชคดีที่ที่บ้านเข้าใจ แล้วอยากเขียนก็คือเขียน ไม่ใช่ว่าอยากเขียนแต่บอกว่าเขียนไม่ได้ มันไม่ใช่ค่ะ มันต้องลงมือทำ คิดแค่ว่าอยากเขียน เขียนไปเรื่อยๆ จนกว่าคนบนโลกนี้จะอ่านหนังสือไม่ออกก็แล้วกัน แรงบันดาลใจในการเขียนนิยาย 4 เหล่าทัพ เกิดจากความคุ้นเคยค่ะ ต้องบอกก่อนว่าปกติแล้วเวลาคิดถึงเหล่าทัพเขาจะคิดถึงแค่เหล่าทหาร แต่ในความเป็นจริงถ้านับจากเหลาทัพในโรงเรียนเตรียมทหารก็คือ จะมีทั้งหมด 4 เหล่าทัพค่ะ โดยนับจาก ทัพบก ทัพเรือ ทัพอากาศและตำรวจ แต่นิยายชุดดวงใจสี่เหล่าทัพของเหมี่ยว จะเริ่มที่ทัพเรือก่อนค่ะ เพราะว่ามาจากคนรู้ใจค่ะ พี่เขาเป็นทหารเรือ แต่ว่าเสียชีวิตไปเพราะอุบัติเหตุ เหมี่ยวก็ด้วยความคิดถึงเนาะ เหมี่ยวก็เลยเอามาเขียนนิยายแทนความคิดถึงค่ะ พอเขียนเรื่องนี้จบแล้ว มีคนเรียกร้องอยากอ่านอีก จำได้ว่าตอนนั้นอาบน้ำอยู่ แล้วมันฉุกคิดมาว่า เอาวะ ให้ครบไปเลยสี่เหล่า เพราะว่านอกจากมีคนรู้ใจเป็นทหารเรือแล้ว ยังอยู่ลพบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีค่ายทหารประมาณ 11 ค่ายค่ะ ก็จะคุ้นเคยกับทหารเป็นพิเศษ แถมยังเคยเรียนแถวๆ สนามฝึกยุทธวิธีทางอากาศของกองทัพอากาศ ผนวกกับชอบเรื่องของเครื่องบินรบด้วย เลยเขียนนิยายเกี่ยวกับทหารอากาศได้ สุดท้ายคือตำรวจ อันนี้เพราะเป็นครอบครัวตำรวจค่ะ คุณปู่เป็นตำรวจ พ่อเป็นทนายความ ก็เลยได้เรื่องราวมาผสมผสานกัน สำหรับผลงานเฉพาะในนามปากกาของกานท์ชญา ณ ตอนนี้มีทั้งหมด 13 เรื่องค่ะ ได้แก่ ชุดดวงใจสี่เหล่าทัพ ตีพิมพ์เมื่อปี 2558 มี ฝากฟ้าทะเลฝัน (ทัพเรือ) / กองพันรักพิเศษที่หนึ่ง (ทัพบก) / ร้อยดวงใจใต้ปีกวันวาน (ทัพอากาศ) / จับตรงนี้ที่ความรัก (ตำรวจ) ส่วนชุดแก๊งนางร้าย ตีพิมพ์เมื่อปี 2559 มีเรื่อง เสน่หาดาราพราว / สูตรรักดาวประกาย / เพลงสุดท้ายชื่อปลายตะวัน / เพราะเธอคือขวัญชีวี / ผู้หญิงคนนี้ชื่อนีรนารถ และชุด ลูกไม้ใต้ต้น (เป็นรุ่นลูกของสี่เหล่าทัพ) ตีพิมพ์ประมาณ 2560 ฝากรักทะเลฝัน / กองพันรักพิเศษที่สอง / ร้อยดวงใจใต้ปีกแห่งรัก / จับตรงนี้ที่หัวใจ ซึ่งทั้งหมดนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ทัช ทุกเรื่องค่ะ ในการเขียน 4 เหล่าทัพหาข้อมูลจากคนรอบตัวค่ะ เพราะรอบตัวมีแต่ทหาร เพื่อนๆ เป็นลูกนายทหาร มีเพื่อนเรียนโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศ และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ คือมีครบค่ะ เด็กลพบุรีจะสอบติดเตรียมทหารกันเยอะ เพราะสังคมที่นี่มีแต่ทหาร
เราเห็นกันจนชินตา ในการเขียนก็จะใช้ความคุ้นเคย กับข้อมูลจากคนจริงๆ ที่เรารู้จัก สิ่งที่เราเจอเราพบเห็นมาเขียน มันจะได้ไม่เหนื่อยที่จะต้องหาข้อมูล หรือเขียนในสิ่งที่เราไม่รู้ค่ะ เขียนนิยายมาตั้งแต่อายุ 14 ก็ ประมาณ 16 ปีแล้วค่ะ ตอนแรกใช้นามปากกาว่า ชญากานท์ ค่ะ ชญา แปลว่า ปราชญ์ ผู้รอบรู้ กานท์ คำนี้มาจากคำว่า โคลงกลอนค่ะ รวมกันคือ ปราชญ์แห่งโคลงกลอน โดยอาศัยการตั้งชื่อ เพราะมีพี่ที่สนิทกันแกเป็นซินแสแกช่วยตั้งให้ตามหลักทักษาค่ะ ส่วนนามปากกากานท์ชญาเนี่ย มาจากที่ช่วงหนึ่งเหมี่ยวหยุดเขียนนิยายไป เพราะตอนนั้นตลาดนิยายแนวที่เหมี่ยวไม่ถนัดกำลังบูมเลย เหมี่ยวก็ไปทำงานอื่น ทำนั่นนี่โน่น แล้วก็มีเรื่องนึงที่เป็นจุดเปลี่ยนจนทำให้เหมี่ยวคิดว่า กลับมาเถอะ กลับมาที่ของเรา ที่ๆ เป็นตัวเรา นั่นคือการเขียนนิยาย พอกลับมาก็เริ่มต้นใหม่ ซึ่งพี่ที่เป็นซินแสแกก็ทักตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่า นามปากกาน่ะ ควรใช้ ก.ไก่ ขึ้นต้นนะ จะดีกว่าเดิม ก็เลยเอานามปากกาเดิมมาสลับ เป็น กานท์ชญา ค่ะ ผลงานที่ตีพิมพ์ นับนิ้วก่อน (หัวเราะ) ถ้าถึงตอนนี้ก็ 20 เรื่องค่ะ ส่วนอีบุ๊ค ก็เป็นของสำนักพิมพ์ทัช ในนามปากกากานท์ชญา ค่ะ ที่ออกเล่มมามีอีบุ๊คทุกเรื่องเลย แล้วก็มีเรื่อง แสงจันทร์ในเงาทราย ค่ะเป็นนิยายที่เคยตีพิมพ์เมื่อ 8 ปีก่อน พอหมดสัญญากับ สำนักพิมพ์เก่าแล้ว เหมี่ยวก็เลยเอามาลงขายในอีบุ๊คค่ะ แล้วก็มีที่ลงให้อ่านฟรีคือ “จดหมายถึงเด็กๆ ที่เกิดไม่ทันรัชกาลที่ ๙” ด้วยค่ะ สำหรับนิยายเป็นเซ็ต ตอนแรกไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเขียนเป็นเซ็ตได้ จนได้ลองลงมือจริงๆ ปรากฏว่าคนอ่านเขาอยากอ่านต่อ คือเขายังไม่อยากให้จบ แต่เราต้องจบ เราก็เลยสานต่อให้ตัวละครเอกเรื่องนี้ไปอยู่ในเรื่องต่อๆไป ผนวกกับว่าสนุกด้วยที่ได้เขียน เพราะก็ไม่อยากให้จบเหมือนกันค่ะ คือเรารักตัวละครเราก็จะสานต่อมันไปเรื่อยๆ เลย ของคนอื่นอาจะเขียนเป็นเซ็ตแล้วใช้หลายนักเขียนใช่ไหมคะ แต่เหมี่ยวเป็นพวกที่ทำงานร่วมกับใครไม่ค่อยได้ (หัวเราะ) เหมี่ยวเลยคิดว่าลุยเองดีกว่า สบายตัวดี และนิยายของเหมี่ยว อ่านแยกได้ค่ะ แต่หลายคนบอกว่าอ่านนิยายของกานท์ชญาหนึ่งเล่มแล้วจะอยากอ่านเล่มอื่นๆ ต่อค่ะ ไปๆ มาๆ เขาก็มีทุกเล่มที่เป็นงานของกานท์ชญา คือเหมี่ยวก็เคยลองปรึกษากับทางสำนักพิมพ์แล้วว่า ถ้าจะทำออกมาเป็นบ๊อกเซ็ต จะได้ไหม เราก็ลงความเห็นว่าอาจจะขายยาก เพราะคนอ่านบางคนก็ไม่ได้เงินถุงขนาดที่ว่าจะซื้องานของเราได้ครั้งละเป็นพันขนาดนั้น บางทีคนอ่านชอบเรื่องนี้ ชอบตัวละครตัวนี้ ชอบทหารทัพนี้ คือให้โอกาสเขาได้เลือกดีกว่าค่ะ เพราะถ้าเขาชอบงานเราจริงๆ เขาจะยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อเล่มต่อๆ ไปเองค่ะ เหมี่ยวก็ไม่ทราบค่ะว่าทำไมถึงมีสำนักพิมพ์ติดต่อมาหลายที่ เพื่อนำผลงานเราไปลง อาจเพราะติดอันดับหน้าเว็บด้วย คนบอกต่อๆ กันด้วย แต่ตอนแรกที่เหมี่ยวได้ตีพิมพ์คือ เหมี่ยวเขียนเรื่องสั้นส่งเข้าประกวดของเว็บเด็กดีค่ะ เป็นเรื่องสั้น ทำดีเพื่อพ่อ เนื่องในโอกาสวันพ่อแห่งชาติ เมื่อสิบปีก่อน ซึ่งเหมียวเขียนเรื่อง แม่เราทำไมต้องให้คนอื่นเข็น ได้แรงบันดาลใจมาจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ตอนนั้นก็เริ่มเป็นที่รู้จักก็มี สำนักพิมพ์มาติดต่อผลงานไปตีพิมพ์ค่ะ แล้วก็เรื่อยมาจนกลับมาเขียนในนามของกานท์ชญาอีกครั้ง เหมี่ยวว่าน่าจะเป็นเพราะนิยายเหมี่ยวมีธีม มีแกนหลัก อัปเดตทุกวัน มันไม่ได้ขายเลิฟซีน แต่แฝงไปด้วยความรักที่ไม่ใช่รักของหนุ่มสาว มันหมายถึง รักชาติ รักสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนมีอยู่ในหัวใจอยู่แล้วค่ะ ผนวกกับว่าเรามีลายเซ็นเป็นของตัวเอง คือเขียนเป็นสไตล์เรา สไตล์ที่ว่าคนอ่านรู้เลยว่านี่คือกานท์ชญา ที่พี่ถามว่าจากหลายสำนักพิมพ์ต้องการนิยายเหมียวไปพิมพ์ รู้สึกว่าตัวเองดังหรือเปล่า ไม่ดังค่ะ ยังเป็นมะเหมี่ยวคนเดิม ยังเป็นกานท์ชญา กินข้าวบ้าน ชอบกินส้มตำเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เพิ่มเติมคือ เราต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ทำให้ดีขึ้นกว่าที่เคยเป็น เขียนให้ดีกว่าที่เคยทำ ผลงานของเราต้องดีขึ้นไปเรื่อยๆ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา ถือเป็นการให้เกียรติคนอ่าน และให้เกียรติตัวเราเองด้วยค่ะ ถ้าหยุดอยู่กับที่ สักวันมันจะตันแล้วเราจะหาทางไปต่อไม่เจอ ของแบบนี้เริ่มแล้วหยุดไม่ได้ค่ะ เพราะความฝันเรามีค่ามาก นิยายที่สร้างชื่อน่าจะเป็นเรื่อง “กองพักรักพิเศษที่หนึ่ง” เป็นคอมมาดี้ แต่เป็นตลกที่แฝงเรื่องราวของความรักชาติลงไปด้วย เป็นนิยายทหารที่เป็นทหารจริงๆ ไม่ใช่แค่ตัวละครเป็นอาชีพทหาร แต่วันๆ ไม่ทำอะไร (หัวเราะ) เหมี่ยวเขียนมาจากประสบการณ์ที่เคยไปทำงานร่วมกับทหาร และการออกหน่วยอาสาช่วยเหลือผู้ประสบภัยของจริง ตัวละครมีตัวตนจริงๆ มันทำให้คนอ่านสัมผัสได้ว่า นี่คือเรื่องจริงนะ รักชาติแบบไม่ยัดเยียด ตลกด้วย สนุกด้วย อ่านแล้วเห็นภาพ โดยเฉพาะคนลพบุรีค่ะ เพราะเหมี่ยวใช้สถานที่จริงหมด มาเยี่ยมชมสถานที่จริงได้เลย ซึ่งคนลพบุรีหลายคนที่ได้อ่านก็ชอบ บางคนมาหาถึงบ้านเลยค่ะ มาขอลายเซ็นแล้วก็ขอถ่ายรูปด้วย และคนที่ภูมิใจคือพ่อกับแม่ แล้วก็คุณยายค่ะ เขาดีใจเหมี่ยวก็ดีใจค่ะ นิยายเรื่องล่าสุดที่จะออกปีนี้คือ ชุด“ลูกไม้ใต้ต้น” ค่ะ ส่วนที่จะเขียนคือ เซ็ต ผู้ชายในฝัน เป็นเซ็ตรุ่นลูกชายของสาวๆ แก๊งนางร้ายค่ะ แล้วก็มีพีเรียตอีก 2 เรื่องคือ สรวงสุราลัย และนารายณ์นฤมิต ที่เพิ่งปิดต้นฉบับไปเมื่อปลายปี 2559 ค่ะ เคยมีคนบอกว่าเหมี่ยวเขียนแนวคอมมาดี้รุ่ง เหมี่ยวก็มาคิดนะ ก็คงจะจริง เพราะว่านิยาย 2 เรื่องที่ยอดวิวเยอะสุด ก็เป็นคอมมาดี้ทั้งคู่เลยค่ะ อาจจะเพราะลึกๆ แล้วเหมี่ยวเป็นคนตลกก็ได้ค่ะ ถ้ารู้จักส่วนตัวจริงๆ ก็จะบอกว่า จริงๆ แล้วเหมี่ยวก็กวนบาทาใช่ย่อยเลย (หัวเราะ) พล็อตนิยายของเหมี่ยวมันจะเกิดขึ้นตอนมีสมาธิค่ะ โดยเฉพาะช่วงก่อนนอน หรือไม่ก็ช่วงไปออกกำลังกาย เราจะมีสมาธิ เราจะได้คิดได้ทำ บางทีคิดได้ตอนนั้นวิ่งๆ อยู่ก็ต้องหยุด หยิบโทรศัพท์มาจดพล็อตลงไป เหมี่ยวใช้สมาร์ทโฟนที่มีปากกาค่ะ มันสะดวกกับตัวเหมี่ยวด้วย ก็เขียนพล็อตคร่าวๆ ไว้ แล้วไปวิ่งต่อ กลับมาก็มาเปิดดู เหมี่ยวจะไม่วางพล็อตว่าตัวละครจะทำอะไร แต่จะวางเรื่องว่าจะไปในทางไหน และไม่เคยวางแผนค่ะ คิดแต่ว่าจะเขียนแบบไหนดี แต่โดยเฉลี่ยแล้วนิยายเรื่องนึงจะใช้เวลาสองเดือนค่ะ เหมี่ยวเขียนนิยายทุกวัน เขียนจนติดค่ะ ว่าวันนี้ต้องเขียน ส่วนเรื่องที่เป็นเซ็ต เหมี่ยวมองว่า มันอยู่ที่ว่าเราจะเขียนอะไร อย่างสี่เหล่าทัพ มันมีทั้งหมดสี่เหล่าก็สี่เรื่อง แก๊งนางร้าย เป็นผู้หญิงห้าคน ก็คือห้าเรื่อง ลูกไม้ใต้ต้น เป็นพาร์ทต่อจากสี่เหล่าทัพก็ต้อง สี่เหมือนกัน และที่กำลังเขียนอยู่ ผู้ชายในฝัน ก็แน่นอนว่า แม่นางร้ายมีห้าคน ลูกก็ต้องห้าค่ะ เพราะในนิยายพาร์ทนางร้าย เขียนถึงตอนเกิดของพวกเขาไว้หมดแล้วค่ะ มีที่หลายสำนักพิมพ์ติดต่อต้องการผลงานเรา แต่เหมียวเลือกที่จะลงกับสำนักพิมพ์นี้ อย่างตอนที่เขียนกองพันรักพิเศษที่หนึ่ง ช่วงนั้นก็มีหลายสำนักพิมพ์ติดต่อมานะคะ แต่ว่าวันนั้นเป็นวันเกิด แล้วเดินเข้าไปในร้านหนังสือ เห็นปกของสำนักพิมพ์ทัช วางอยู่เต็มชั้นเลย สวยมาก โลโก้ก็สวยค่ะ ความรู้สึกตอนนั้นคือ แบบ สักวันเถ้อ ดวงใจสี่เหล่าทัพ ฉันจะต้องมาวางบนนี้ ฉันจะครองแผงนี้ให้ได้ แล้วตกเย็นวันนั้น สำนักพิมพ์ก็ติดต่อมา ซึ่งเหมี่ยวเองก็มาทราบจาก บก. ทีหลังว่า มีพี่บก. คนนึงอยากได้มากๆ แล้วทุกคนบอกว่าเดี๋ยวจะติดต่อไปแต่แกใจร้อน แกเลยโทรไปบอก น้องบก. ว่าอยากได้นะ ให้ติดต่อเลย น้องก็แบบ อะๆ เดี๋ยวติดต่อให้ ก็มาลงวันเกิดพอดี เหมียวมีเขียนนิยายเล่มเดียวจบค่ะ เพิ่งจบไปตอนปลายปี 59 นี้เองค่ะ เรื่อง “นารายณ์นฤมิต” เรื่องนี้เป็นโจทย์ยากค่ะ เหมี่ยวว่าน่าจะยากสำหรับหลายๆ คนด้วย เป็นเรื่องของการระลึกชาติ แต่ไม่ใช่แบบว่าตัวละครปัจจุบันย้อนไปอดีตนะคะ มันเป็นตัวปัจจุบันก็ปัจจุบัน อดีตก็อดีต เรื่องราวนำเสนอเกี่ยวกับเวรกรรมค่ะ กรรมเก่าที่มีต่อกัน เรื่องราวของการให้อภัย การเข้าใจและให้โอกาสค่ะ อีกเรื่องก็คือ “สรวงสุราลัย” เรื่องนี้เป็นพีเรียตแท้ๆ เลยค่ะ ย้อนไปสมัยสมเด็จพระนารายณ์ คือเขียนเพราะอยู่ลพบุรี ในสถานที่จริงที่เคยเป็นกรุงละโว้และคงเหลือซากความเจริญรุ่งเรืองในยุคนั้นเอาไว้ ศึกษาตำราโบราณ บันทึกของฝรั่งเศสมากมายหลายเล่ม แล้วหยิบมาเขียนให้ได้ตามที่ใจต้องการค่ะ อยากให้คนอ่านรู้ว่ากานท์ชญาทำได้หลายอย่างนะ ไม่นับรวมก่อหน้านี้ที่จะมาเขียนสี่เหล่าทัพนะคะ สี่เรื่องที่เป็นเล่มเดียวจบค่ะ แล้วก็อยากจะบอกว่านิยายทุกเล่มของเหมี่ยวเขียนเล่มเดียวจบค่ะ มีเพียงตัวละครเท่านั้นที่จะต่อเนื่องกัน คุณสามารถอ่านเรื่องเดียวแล้วจบในนั้นเลย แต่คุณจะอยากอ่านต่อ เพราะกับดักที่ กานท์ชญา ใส่ไว้ (ยิ้ม) เสน่ห์ของนิยายตัวเองอยู่ตรงลายเซ็นและตัวตนค่ะ เหมี่ยวไม่ใช่นักเขียนที่อ่านเยอะเหมือนคนอื่นๆ นะ เหมี่ยวจะอ่านเฉพาะเรื่องที่เราจะอ่าน หรือไม่ก็อ่านนิยายฝรั่งที่เป็นภาษาอังกฤษไปเลย เหมี่ยวไม่อยากติดสำนวนใคร เหมี่ยวอยากเป็นตัวเอง เหมี่ยวเชื่อว่านักเขียนจะอยู่ได้นานๆ ก็คือ หาตัวตนให้เจอ อารมณ์แบบ นักวาดรูปคนหนึ่งซึ่งเราเห็นผลงานเขาเราก็รู้เลยว่า นี่คือเจ้าของภาพนี้แน่ๆ ความชัดเจนในตัวตนเราทุกคนมีต่างกัน เพราะคนอ่านหลายคนบอกว่า พล็อตนิยายของกานท์ชญา ก็ธรรมดานะ แต่สำนวนและเทคนิคการเขียนคือสิ่งที่ทำให้อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ เหมี่ยวว่านั่นแหละมันคือลายเซ็นและตัวตนของกานท์ชญา เพราะมีบางคนบอกหลังจากที่เขาเคยมองข้ามงานเหมี่ยวแล้วกลับมาอ่านว่า “ทำไมเราเพิ่งมาเจอกัน” นิยายเหมี่ยวไม่เน้นเลิฟซีน เพราะชีวิตคนเราไม่ได้มีแค่เลิฟซีนค่ะ ชีวิตคนเราทุกคนมีหลายอย่างมากมายเข้ามา เหมี่ยวว่ามันเป็นเรื่องยากนะ ที่เราจะทำให้ได้ ที่สำคัญคือ เราต้องแตกต่างอย่างมีชั้นเชิง ท่ามกลางดงนิยายร้อนแรง เราคือนิยายรักสีขาวที่อ่านแล้วได้มากกว่าความหวานบนเตียงของพระเอกนางเอก ชีวิตคนเรามีอะไรให้ฟินอีกเยอะค่ะ เมื่อมีโอกาสที่จะเขียนให้แฟนคลับเป็นพันคนอ่านได้ เราก็ควรจะแทรกเรื่องดีๆ ลงไปให้คนรู้สึกได้โดยไม่เป็นการยัดเยียดจนเกินไป มันคือการแสดงความสามารถและไหวพริบของนักเขียนอย่างนึง ซึ่งถ้าเราทำได้ เราจะภูมิใจในสิ่งที่เราทำค่ะ นักอ่านต้องการติดตามผลงานได้ที่ Facebook Fanpage : กานท์ชญา หรือทาง Official Line : @kanchaya46 (มี @ ด้วยนะคะ) นิยายที่จะวางแผงมี ลูกไม้ใต้ต้น สำนักพิมพ์ทัช ค่ะ ก็คาดว่าน่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เพราะขนาดที่ว่านิยายยังไม่ได้ตีพิมพ์ก็มีคนมาถามหาตลอดๆ เลย แล้วที่สำคัญเหมี่ยวเชื่อว่าต้องมีคนสงสัยว่าทำไม กานท์ชญา ถึงออกงานอีกแล้ว มีดีอะไร ทำไมงานเยอะจัง เขาจะอยากหยิบผลงานของเหมี่ยวมาอ่าน และจะไม่อ่านแค่เล่มเดียวแน่ๆ ค่ะ เพราะคนอ่านหลายคนบอกว่า อ่านเล่มแรกของกานท์ชญาแล้ว...หยุดไม่ได้เลย”
คำถามนิยายของ“กานท์ชญา” ชุดที่จะวางปีนี้ชื่อ?
ทราบคำตอบเขียนชื่อ - ที่อยู่และคำตอบ ลงไปรษณียบัตรส่งมาที่ เปิดหน้านักเขียน เลขที่ 369 Chez Nona Court (202) ซ.ลาดพร้าว 23 แขวง จันทรเกษม เขต จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 ผู้ตอบถูก 3 ท่านได้รับหนังสือนิยายจาก กานท์ชญา (ขอบคุณที่สนับสนุนของรางวัล)